เกมไพ่ที่เราต่างก็คุ้นเคยและรู้จักกันดีอย่างไพ่นกกระจอกที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเกมตำนานที่ได้รับความนิยมมายาวนานหลายสมัย โดยในการเล่นนั้นที่จะมีด้วยกัน 2 รูปแบบนั่นก็คือ ไพ่นกกระจอกจีนและไพ่นกกระจอกญี่ปุ่นนั่นเองแต่ส่วนใหญ่ที่เรามักจะเห็นกันทั่วไปและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายก็ต้องยกให้เกมไพ่นกกระจอกจีนนั่นเอง
สำหรับเกมทั้งสองรูปแบบนี้ที่จะการเล่นที่ต่างกันและในบทความนี้ที่เราจะมาแยกให้ทุกท่านได้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าเกมทั้งสองนั้นแตกต่างและมีความเหมือนกันอย่างไรบ้าง
สำหรับไพ่นกกระจอกญี่ปุ่นก็ต้องยอมรับเลยว่าเป็นหนึ่งในเกมที่อาจจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่นักหากเทียบกับของจีนแต่บอกเลยว่าเกมนี้ก็มีข้อดีไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะพูดได้เลยว่าเป็นเกมที่สามารถทำเงินก้อนโตให้กับผู้เล่นได้ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยในการนับแต้มที่จะความต่างจากเกมไพ่ปกติแต่หากจะพูดถึงความสนุกก็กล้าการันตีได้เลยว่าสนุกไม่แพ้เกมอื่นแน่นอน
ไพ่นกกระจอกญี่ปุ่นและจีน แตกต่างกันดังนี้
หากจะกล่าวถึงหลักในการเล่นของเกมทั้งสองรูปแบบนี้อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าไม่ค่อยมีความต่างกันเท่าไหร่นักจะมีเพียงแค่ตัวอักษรที่เปลี่ยนไปเท่านั้น โดยประเทศจีนก็จะใช้อักษรจีนในการเล่นและแน่นอนว่าของประเทศญี่ปุ่นก็จะใช้อักษรญี่ปุ่นเล่นและสำหรับไพ่ 1 สำรับที่จะมีทั้งหมด 136 ใบด้วยกันที่สามารถแยกได้เป็น 2 ประเภท ในส่วนของรายละอียดในการเล่นไพ่นกกระจอกญี่ปุ่นจะมีดังนี้
- ชุดไพ่แบบตัวเลข โดยไพ่ประเภทนี้ที่จะเรียกกันว่า ซูไปและแยกออกเป็น 3 รูปแบบด้วยกันได้แก่
- ชุดหมื่น ที่จะมีตั้งแต่หมายเลข 1-9
- ชุดไผ่ คือ รูปแบบของไพ่ที่จะใช้รูปภาพของไม้ไผ่ที่เป็นปล้องโดยจะมีหมายเลขตั้งแต่1-9
- ชุดปิง คือ รูปแบบที่สามรถเรียกได้หลายอย่างทั้งเหรียญหรือวงกลม โดยจะมีหมายเลขตั้งแต่1-9
- ชุดไพ่ตัวอักษร คือ โดยตามหลักในการเล่นนั้นที่จะเรียกกันว่า ซือไป ที่จะแยกออกเป็น 2ประเภทด้วยกันคือ ชุดพิเศษ ,ชุดทิศนั่นเอง
- ชุดพิเศษ คือ รูปแบบของตัวอักษรอย่างชัดเจนเลยนั่นก็คือ ซุง ,ฮะคุ, ฮะทสึ
- ชุดทิศ คือ มีไพ่ที่บอกทิศตั้งแต่ ตะวันออกใต้ ,ตะวันตก,เหนือ
กติกา
สำหรับพื้นฐานของไพ่นกกระจอกจีนที่มีมีไพ่ด้วยกันทั้งหมด 144 แผ่นและชุดลูกเต๋า 2-3 ลูก โดยที่ผู้เล่นทั้ง 4 คนและตัวบ่งชี้ทิศทาง ผู้เล่นจะมีไพ่ 13ใบในช่วงของการเร่ิมต้นและต้องทำการจั่วไพ่อีกใบแต่ฝั่งของญี่ปุ่นจะมีไพ่ทั้งหมด136 ชุดลูกเต๋า 3 ลูกและผู้เล่น 4 คนและตัวบ่งชี้ทิศทาง
โดยผู้เล่นจะทำการเริ่มแจกไพ่ 13 ใบก่อนและถึงจะทำการจั่วอีกใบ โดยอุปกรณ์ไพ่นกกระจอกจีนจะประกอบไปด้วยเกมไพ่มาตรฐาน 5 เกมด้วยกันที่จะเรียกกันว่า เกมคอมมิชชั่น ,เกมบ็อกซ์ , เกมมังกรและเกมการจัดการ โดยที่ผู้เล่นบางคนอาจจะเล่นได้มากถึง 7 เกมเลยทีเดียวที่จะมีการเพิ่มชุดดอกไม้ , เกมตามฤดูกาลที่จะมาพร้อมกับชุดไพ่ ไพ่อยู่ในวงกลมสี
โดยหมายเลขตั้งแต่1-9 แต่ละหมายเลขที่จะมีทั้งหมด 4ใบที่จะหมายความถึงสาขา ฉะนั้นแล้วการแสดงตัวขึ้นมาของการ์เกมนี้จึงเป็นตัวหมากรุกสีเขียวที่ดูคล้ายกับกิ่งไม้และในผู้ผลิตบางรายที่ได้มีการออกแบบหมายเลข 1ในชุดนี้ออกมาให้แตกต่างจากที่อื่นซึ่งจะเป็นนกเกาะอยู่บนกิ่งไม้และกลุ่มตัวเลขนี้ที่จะมีตั้งแต่1-9 และมี 4 หมายเลขต่อหมายเลขรวม 36 หมายเลขแต่
วิธีเล่นไพ่ทั้ง 2 รูปแบบ
ส่วนใหญ่จะมีความเหมือนกันนั่นก็คือ
- ผู้เล่นทุกคนจะได้รับไพ่คนละ 13 ใบ โดยที่ผู้เล่นจะเล่นไพ่กันตามลำดับคำสั่ง
- โดยผู้เล่นที่ได้รับคนแรกก็จะมีสิทธ์ิที่จะทำการจั่วไพ่ 1ใบก่อนและต้องทิ้งไพ่ในมือ 1ใบ ที่จะเหลือไพ่ 13 ใบ
- หากว่าผู้เล่นทุกคนหมอบ ผู้เล่นคนอื่นก็จะมีสิทธ์ที่จะรวมไพ่เพื่อสร้างไพ่ของตัวเองและหลังจากที่ผู้เล่นทิ้งการ์ดสามารถที่จะทำการเรียกเก็บเงินได้เลยแต่หากว่าออกแล้วจะเรียกเก็บไม่ได้แล้ว
- สำหรับบัตรที่ถูกทิ้งขว้างไว้ด้านหน้าก็จะต้องทำการพับใหม่ทางด้านขวาของการ์เก่า
- เมื่อครบแล้วให้ตัดทิ้งและทำการวางในแถวใหม่ทันที จากนั้นให้รวมไพ่ โดยจะต้องรวมไพ่ที่รวมไว้พร้อมกับไพ่ในมือและทำการหงายไพ่ขึ้นที่มุมโต๊ะทางขวาของที่นั่ง โดยให้ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะสร้างรูปแบบการ์ดทั้ง4 รูปแบบและไพ่ 2-3 ใบในมือ คุณจะสามารถทำการตีผู้เล่นคนอื่นได้ หากไพ่นกกระจอกจีนชนะจะต้องพูดว่า สมบูรณ์แบบแต่หากว่าเป็นญี่ปุ่น หากว่าคุณหยิบไพ่จากคนอื่นที่จะชนะก็ให้เรียกว่า รอน แต่หากว่าทำการจั่วไพ่แล้วชนะก็ต้องพูดว่า ซึโมะ
สรุป
สำหรับบทความทั้งหมดนี้เรียกได้ว่าจะทำให้ทุกท่านมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าทั้งไพ่นกกระจอกญี่ปุ่นและไพ่นกกระจอกของจีนนั้นมีความแตกต่างกันตรงไหนบ้างและวันนี้หากว่าใครมีความสนใจอยากจะลองสัมผัสกับความสนุกของเกมทั้งสองก็บอกว่าไม่ยากเลยเพราะสามารถเข้าเล่นผ่านเว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ได้เลย สามารถเลือกเล่นผ่านมือถือได้ทุกระบบทั้งiOS,Android รับรองว่าสนุกแน่นอน !!